การมูหรือการมูเตลูเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านานและล้วนมาในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเชิงวัตถุนิยม (Materialistic) หรืออวัตถุนิยม (Abstract) และสิ่งที่แน่นอนเลยก็คือการมูเตลูจะอยู่คู่กับสังคมไทยไปอีกช้านานไม่ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยี (Technological Advancement) จะมากสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วมนุษย์ทุกคนก็ต่างต้องการ “ ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ”
หลายแบรนด์ที่เคยทำการตลาดด้วยกลยุทธ์คลาสสิกตระหนักถึงกระแสนี้จึงเริ่มปรับตัวมาสื่อสารการตลาดโดยผสมผสานความเชื่อและความศรัทธาแบบที่มาช้านาน เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ จนเกิดเป็นแนวทางการตลาดแบบที่เรียกว่า “การสื่อสารการตลาดมูเตลู”
โดยการนำกลยุทธ์นี้มาประยุกต์ใช้กับโปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ ของแบรนด์ สะท้อนถึงวิวัฒนาการในการทำการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่อาจจะต้องการการดูแลแบบ personalization มากยิ่งขึ้น นำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการที่ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในศตวรรษที่ 21 การมูเตลูย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ และ Lifestyle ของประชาชนในสังคมนั้นๆ สิ่งที่ชัดเจนก็คือความเป็นจริงที่ว่าหนึ่งในปัจจัยของการมูเตลูที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดนั้นก็คือ รูปแบบหรือวิธีการมูเตลู ตัวอย่างแบรนด์ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นในการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ก็คือ
ถ้าจะนึกถึงการมูเตลูยุคแรกๆ หลายๆคนคงนึกถึงการรับผ้ายันต์หรือภาพมงคลมาเพื่อสักการะบูชาที่บ้านซึ่งนับว่าเป็นวิถียอดฮิตที่นิยมเป็นอย่างมากในอดีต อย่างไรก็ตามด้วยเวลาที่เปลี่ยนไปวิถีการมูเตลูก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปยามยุคสมัยซึ่งจึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้การรับผ้ายันต์หรือภาพมงคลต่างๆมาบูชานั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นและมีความสอดคล้องกับโลกในยุคดิจิตอล (Digital World) จุดเริ่มต้นของการมูเตลูโดยใช้ภาพวอลเปเปอร์หรือภาพพื้นหลังในโทรศัพท์มือถือจึงถือกำเนิดขึ้น
HoroWall คืออะไร? หลายๆคงอาจจะยังคงสงสัย เราจะมาอธิบายง่ายๆให้เข้าใจกัน HoroWall คือการมูเตลูโดยใช้ภาพพื้นหลังของโทรศัพท์หรือการตั้งรูปภาพพื้นหลังโทรศัพท์โดยใช้รูปภาพที่ผ่านการสร้างสรรที่ประกอบกับความเชื่อทางศาสนา โหรศาสตร์ หรือตัวเลขมงคล ในการทำให้ภาพพื้นหลังนั้นมีความขลังและมงคลต่อผู้ใช้งาน
HoroWall จึงกลายมาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแล้วสำหรับการปรับตัวของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความเชื่อของสังคม อีกทั้งยังพิสูจน์ว่าผู้ประกอบการสามารถปรับรูปแบบหรือโครงสร้างของธุรกิจได้อย่างไรให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงไปของสังคม
“ มูด้วยใจ ตัวไม่ต้องไปก็ได้ “ ในยุคที่เวลากลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตของมนุษย์ ทุกคนต้องตระหนักอยู่เสมอและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมรูปแบบใหม่ๆ ดังนั้นวิถีชีวิตหรือ Lifestyle ของเราทุกคนก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกันกับรูปแบบการมูเตลูซึ่งในอดีตหลายๆคนจะต้องเดินทางระยะไกลในการไปสักการะบูชาหรือกราบไหว้สิ่งสักสิทธิ์ณ.สถานที่นั้นๆ
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันตัวเลือกทางด้านการมูเตลูก็มีเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตมากยิ่งขึ้น Meta-LUCK จึงกลายมาเป็นตัวเลือกให้กับหลายๆคนในการช่วยให้การมูเตลูมีความสะดวกสะบายมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วย Meta-LUCK ชาวสายมูหลายๆคนจึงไม่จำเป็นต้องทนอากาศร้อน รถติด หรือกลุ่มคนที่มีความหนาแน่นเพื่อไปมูเตลูอีกต่อไป เนื่องจากสายมูทั้งหลายสามารถทำการสักการะบูชาสิ่งสักศัทดิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในสถานที่ต่างๆได้ผ่าน VR-360 องศา ซึ่งก็จะทำให้ประสบการณ์การมูเตลูของทุกคนนั้นง่ายขึ้นสบายทั้งกายและใจ
เคสนี้จึงเป็นเหตุที่พิสูจน์ว่า การมูเตลู กับ เทคโนโลยี สามารถพัฒนาควบคู่กันไปได้ และแน่นอนเลยว่าสุดท้ายแล้วประโยชน์สูงสุดก็จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคนั่นเอง
หนึ่งในคำขอที่ชาวมูเตลูทุกคนจะต้องอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิแทบจะทุกครั้งเมื่อไปสักการะยันสถานที่มูยอดฮิตต่างๆนั่นก็คือเรื่องของ “ ความรัก “ ไม่ว่าจะเป็นคนโสดหรือคนมีคู่ก็ต่างที่จะขอให้เส้นทางความรักของตัวเองนั่นราบรื่นโรยด้วยกรีบกุหราบ
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้บางสถานที่มูเตลูกลายมาเป็นจุดสนใจของชาวมูที่ต้องการจะเสริมดวงหรือความปังในด้านของความรักเป็นพิเศษ พระตรีมูรติที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของ Central World จึงกลายมาเป็น Landmark ที่ผู้คนแห่ไปสักการะบูชาพร้อมขอพรต่างๆนาๆมักจะเกี่ยวข้องกับความรักเป็นพิเศษนั่นเอง
อย่างไรก็ตามธุรกิจก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับ Lifestyle ของผู้คนเช่นเดียวกันกับแอปพลิเคชั่นขอคู่ยอดฮิต Tinder ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่ม “ คนโสด “ ดังนั้น Tinder จึงได้มีการสร้างการตลาดที่ทำให้เหล่าคนโสดได้มาพบกันโดยผ่านการสักการะพระตรีมูรติ
เครื่องรางของขลังถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการมูเตลูมาช้านาน เมื่อพูดถึงการเดินทางไปสักการะบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิต่างๆ สิ่งที่จะต้องผุดขึ้นมาในความคิดของทุกคนที่ตามมาทันทีนั่นก็คือ “ สิ่งมงคล “ ไม่ว่าจะเป็นสายสิน ลูกประคำ หรือแม้กระทั่งผ้ายันต์ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปวิถีชีวิตของคนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงและนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Ravipa ในการรังสรรสิ่งมงคลที่เหมาะสำหรับ Lifestyle หรือ Trend ของคนในยุคใหม่
เพื่อทำให้คำว่า “ เครื่องรางของขลัง ” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและยังกลายมาเป็นเครื่องประดับที่สามารถใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน Ravipa มากับคอนเซปของการมูเตลูที่มีความร่วมสมัยและตาม Trend ยุคใหม่ที่ความขลังอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ Ravipa จึงกลายมาเป็นแบรนด์เครื่องประดับสายมูเตลูยอดฮิตที่ติดตลาดและตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนรุ่นใหม่วัยมู
นอกจากคอนเซ็ปเรื่องมูเตลูที่จับจุดลูกค้าได้ดีแล้ว จุดแข็งอีกอย่างของแบรนด์ Ravipa คือการดูแลประสบการณ์ลูกค้า ( Customer Exoperience ) เนื่องจากแบรนด์รู้ดีว่าลูกค้ายุคปัจจุบันอาจจะไม่ได้ปิดการขายได้ทันทีที่หน้าสาขา โดยเพราะอย่างยิ่งยุคดิจิทัลแบบนี้ที่ลูกค้ามักจะใช้เวลาไปกับการศึกษารายละเอียด เปรียบเทียบราคา เปรียบเทียบกับสินค้าแบรนด์อื่นทางอินเตอร์เน็ตก่อน หรือทักมาสอบถามรายละเอียดพูดคุยกับแอดมินเพจในเบื้องต้น Ravipa ตระหนักถึงปัญหานี้ดี จึงทำให้แบรนด์ให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานของ Customer Service เป็นอย่างมาก ทั้งเทรนด์พนักงานแอดมินและพัฒนาการดูแลลูกค้าหลังบ้านให้มากขึ้น จากความสำเร็จที่ผสมผสานทั้งความคิดริเริ่มในเครื่องประดับสายมูบวกกับการใส่ใจดูแลลูกค้า ทำให้ยอดขายของ Ravipa นั้นกลายเป็นแบรนด์ไทยระเภทจิวเวลรีแบรนด์แรก ที่พาตัวเองเป็น Top Seller ทั้งของ Lazada และ Shopee ได้
จะเห็นว่าปัจจุบันนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เราจะนำเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาผนึกกับเทคโนโลยี ธุรกิจไหนออกตัวก่อนย่อมได้เปรียบก่อน หากธุรกิจของคุณสนใจที่จะติดปีกการให้บริการดูแลลูกค้าด้วยเทคโนโลยี ทดลองใช้ Oho Chat ระบบจัดการแชท ดูแลลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพทีมแอดมิน ครบ จบ ในที่เดียว ช่วยให้ทีมงานสามารถเก็บข้อมูล ติดตามเคสลูกค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมโต้ตอบกับลูกค้าผ่านช่องทางแชทได้เร็วขึ้น ไม่ตกหล่น สามารถวัดผลเพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์การตลาดหรือเพื่อยิงแอดโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมัครทดลองใช้ พร้อมเชื่อมเพจ facebook และ LINE OA ได้แล้ววันนี้ ฟรี 14 วัน