ขอบคุณที่มั่นใจระบบของเรา
ข้อมูลของท่านได้ถูกส่งไปที่โอ้โหแชทเรียบร้อยแล้วโอ้โหเซลจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุดภายใน 24 ชม. ค่ะ
กลับสู่หน้าหลักมีบางอย่างผิดพลาดโปรดลองใหม่อีกครั้ง
กลับสู่หน้าหลักกลับสู่หน้าหลัก
รู้หรือไม่? จากสถิติของ Accenture เผยว่า 91% ของลูกค้านั้นจะเลือกใช้แบรนด์ที่เข้าใจเขาและนำเสนอสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขามากกว่าแบรนด์อื่น โดยเปรียบเสมือนเขาเป็นลูกค้าคนพิเศษของแบรนด์ โดยในเรื่อง Personalized marketing จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาชนะใจลูกค้า ให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่เหมาะสมกับเขา แน่นอนว่าธุรกิจนั้นต้องการลูกค้าที่จงรักภักดีกับแบรนด์ ใช้สินค้าและบริการอย่างมีความสุข คอยติดตามข่าวสารของแบรนด์ ซึ่งการทำ Personalized จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณให้มีลูกค้าที่มากขึ้นและเพิ่มยอดขาย กำไร เพราะลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีผ่านการซื้อและบริการธุรกิจของเรานั่นเอง
Personalized Marketing คือ การที่แบรนด์หรือธุรกิจปรับแต่งการตลาดและเสนอสิ่งที่เหมาะสมกับลูกค้าตามข้อมูลที่ได้รวบรวมมาจากลูกค้า ซึ่งรวมถึงความสนใจ การเลือกซื้อสินค้า ประวัติการซื้อ และอื่นๆ โดยเราจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อเสนอสิ่งที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าแต่ละคนตามข้อมูลที่เรามีนั่นเอง
ในยุคนี้เราสามารถใช้ Data เข้ามาขับเคลื่อนการตลาดและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมาก แต่ยังคงสามารถรักษามาตรฐานในการดูแลได้ลูกค้าแบบรู้ใจได้ โดยประโยชน์ต่อธุรกิจนั้นมีหลายด้านเช่น
โดยต่อไป เราจะมาดู 3 ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจระดับโลกที่ต่างก็ใช้ Personalized marketing มายกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการกันครับ
Netflix ถือเป็นแบรนด์ Streaming platform ระดับโลกที่โด่งดังที่ใช้ Personalized Marketing มากมายในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาเป็นลูกค้าประจำ อย่างแรกคือลูกค้าสามารถตั้งชื่อส่วนตัวในระบบ รวมถึงใส่รูปตัวละครชื่อดังมาบ่งบอกความชอบได้อีกด้วย นอกจากนั้น Personalization ที่สำคัญของ Netflix คือการมีฟีเจอร์ที่จะแนะนำหนังและซีรีย์และมีเปอร์เซนต์ความเหมาะสมโดยอิงจากประวัติการรับชมส่วนตัวของลูกค้าแต่ละคน และสุดท้ายคือการใช้รูปภาพหน้าปกหนังหรือซีรีย์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล อย่างเช่น หนังเรื่องเดียวกันแต่เรากับเพื่อนอาจเห็นรูปหน้าปกที่แตกต่างกัน
ถ้าพูดถึงการฟังเพลงที่สะดวกที่สุดในยุคนี้ก็คงไม่พ้น Spotify แบรนด์ที่ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงและพอดแคสต์ ลูกค้าหลายๆคนก็เลือกใช้ Spotify ในการฟังเพลงเพราะฟีเจอร์ที่มีความพิเศษของระบบนั่นเอง ซึ่ง Spotify ได้ทำการตลาดโดยใช้เทคโนโลยีจับพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้ใช้งาน วิเคราะห์ และนำเสนอเป็นเพลย์ลิสต์เพลงที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ เช่น Discover weekly, Daily mix เป็นต้น โดยฟีเจอร์นี้ทำให้ลูกค้าได้ค้นพบเพลงใหม่ๆ ในแนวที่ตนเองชอบ รวมถึงยังได้ฟังเพลงเก่าๆ ที่เราชอบตามหมวดหมู่อีกด้วย ทำให้ผู้ใช้ได้มีตัวเลือกในการเลือกฟังเพลงที่หลากหลาย ตามอารมณ์ของผู้ใช้แต่ละคนอีกด้วย โดยฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์สำคัญที่เป็นจุดขายของ Spotify เลยก็ว่าได้
Coca cola หรือแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ โค้ก เครื่องดื่มน้ำอัดลมชื่อดังที่ครองใจคนทั่วโลกมานานก็ใช้ Personalization กับแคมเปญ Share a Coke ซึ่งแคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญชื่อดังที่อธิบายในเรื่องของ Personalized marketing ได้อย่างดีเพราะแนวคิดของแคมเปญคือการใส่ชื่อของลูกค้าไว้ในขวดโค้ก ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและสนใจที่จะซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงการถ่ายลงโซเชียลมีเดียใน #ShareACoke ซึ่งยอดขายหลังจากปล่อยแคมเปญก็พุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว
หลังจากเราได้รู้จัก Personalized marketing ให้มากขึ้นจากบทความนี้ จะเห็นว่ากลยุทธ์นี้นั้นมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมากแน่นอน ในยุคที่ Data นั้นสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างครอบคลุม การทำ Personalization จากข้อมูลพฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้าที่มีอยู่นั้นจะสามารถยกระดับ Customer Experience (ประสบการณ์ลูกค้า) และทำให้ลูกค้าติดใจจนไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ไหนได้อีกอย่างแน่นอน
ทาง Oho Chat ของเรานั้นนอกจากในเรื่องการจัดการแชทบริการลูกค้า ก็ยังมีฟีเจอร์ที่ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปทำ Personalized marketing ได้อย่างสะดวก ผ่านฟีเจอร์การติด Tag ลูกค้าที่สามารถแยกประเภทลูกค้าและใส่ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าได้ในระบบ นอกจากนั้นที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ Dashboard ที่ช่วยเก็บ ข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์สถิติลูกค้าในการทักแชทและสามารถดึงข้อมูลไปใช้ได้อีกด้วย
หากสนใจรายละเอียดว่า Oho Chat สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร คลิกเข้าไปอ่านได้เลยที่ www.oho.chat สมัครใช้งานง่าย ติดตั้งไม่ถึง 5 นาที พร้อม ทดลองใช้ฟรีทันที 14 วัน
