Customer Experience (CX) คืออะไร แล้วทำไมธุรกิจยุคนี้ถึงต้องสนใจ
สรุปความสำคัญของ Customer Experience (CX) ที่ธุรกิจยุคใหม่ควรให้ความสนใจ พร้อม 3 ตัวอย่างวิธีการสร้าง Customer Expeirence หรือประสบการณ์ลูกค้าที่จะประสบความสำเร็จ

Customer Experience (CX) คืออะไร แล้วทำไมธุรกิจยุคนี้ถึงต้องสนใจ

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในทุกอุตสาหกรรม ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่ท้าทายนี้ สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง: ความสำคัญของการดูแลและประสบการณ์ลูกค้า หรือ Customer Experience (CX) หมดยุคแล้วที่ลูกค้าจะให้ความสำคัญกับราคาหรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการเพียงอย่างเดียว ในปัจจุบัน ลูกค้าแสวงหาบางสิ่งที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อส่วนตัว บริการลูกค้าหลังการขายที่เป็นเลิศ และประสบการณ์หลังการขายที่น่าจดจำ

ในบทความนี้ เราจะสำรวจการเปลี่ยนแปลงของความคาดหวังและพฤติกรรมของลูกค้า เราจะเจาะลึกถึงเหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของลูกค้าที่มีอำนาจซื้อ และอิทธิพลของพวกเขาได้เปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ทางธุรกิจอย่างไร นอกจากนี้โอ้โหจะเปิดเผยว่าการที่ธุรกิจมีการวางแผนการตลาดบวกกับบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยมสามารถนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวและการเติบโตที่ยั่งยืนได้อย่างไร

81% ของลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น เนื่องจากการบริการลูกค้าที่ไม่ดี56% ของลูกค้าจะบอกต่อประสบการณ์ที่ไม่ดีให้คนอื่นได้รู้ (ที่มา : WalkerInfo)

แล้ว Customer Experience คืออะไรล่ะ?

Customer experience หมายถึง ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับขณะที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ เป็นแนวคิดที่ทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งที่ให้บริการเดียวกันอยู่ที่มีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ทำให้คนยอมที่จ่ายเงินให้เราในราคาที่อาจจะแพงกว่าชาวบ้านทั้งที่สินค้าหรือบริการอาจจะแทบเป็นชิ้นเดียวกันเลยก็ได้

Philip kotler  บิดาแห่งการตลาดยุคใหม่ได้ให้นิยาม Customer Experience ไว้ว่าเหมือนกับการที่ลูกค้าได้เข้าไปดูภาพยนต์หรือหนังดีๆ สักเรื่องในโรง แล้วก็รู้สึกประทับใจมาก จนอยากเอามาบอกต่อให้คนอื่นรู้ด้วย หรือถึงขั้นอยากซื้อสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนต์เรื่องนั้นเก็บไว้ หรืออาจจะถีงขั้นกลับมาดูซ้ำที่โรงภาพยนต์อีกรอบ แล้วก็เฝ้ารอที่จะได้เก็บแผ่น Blueray ไว้ หรือรอดูทางออนไลน์อย่างถูกต้อง

กล่าวได้ว่าเมื่อเราเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ นอกจากสิ่งที่เราได้รับจากการซื้อ-ขายแล้ว เรายังได้รับประสบการณ์ที่ต่างออกไปตามวิธีการบริการและพฤติกรรมของธุรกิจดังกล่าว สิ่งที่เรียกว่า "Customer Experience" (CX) นั้นเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญในการเชื่อมโยงกับลูกค้า สร้างความประทับใจในใจลูกค้าและส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้งในอนาคต

การสร้าง Customer Experience ที่ดีสามารถทำได้โดยการให้บริการที่มีคุณภาพ เช่น การตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บริการที่ต้องการเข้ารับบริการฉุกเฉิน การตอบกลับให้ไว เป็นต้น นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าเช่นการใช้ระบบ AI หรือ แชทบอท Chatbot เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหรือให้ข้อมูลต่างๆให้ได้เร็วขึ้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการสร้าง CX ที่ดีคือการให้คำแนะนำและคำปรึกษาให้ลูกค้าอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้สินค้าหรือบริการ การแนะนำผลิตภัณฑ์

ในปัจจุบันนี้ การสร้าง CX ที่ดีในช่องทางแชท เช่น Facebook messenger หรือ LINE เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากและเป็นช่องทางที่สะดวกสบายในการสื่อสารกับลูกค้า

3 ตัวอย่างการสร้าง Customer Experience (CX) ที่ดี

  1. การตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำแค่การส่งของให้ลูกค้าเร็วหลังซื้ออาจจะไม่พอ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนลูกค้าทักมาสอบถาม เพราะเป็นการสร้างความประทับใจแรกให้ลูกค้า การใช้แชทบอทในการตอบกลับลูกค้าในช่องทางแชท เช่น Facebook messenger หรือ LINE เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า และสามารถลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ได้ เมื่อแชทบอทสามารถตอบคำถามและแนะนำสินค้าหรือบริการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
  2. การใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้บริการที่ดีขึ้นหลายธุรกิจละเลยการเก็บข้อมูลลูกค้ามาใช้วิเคราะห์ ทั้งที่จริงๆ แล้วการใช้ข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อสินค้า และข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า สามารถช่วยสร้างความพึงพอใจในการใช้บริการและเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นได้ เราสามารถนำเอาดาต้ามาทำกลยุทธ์การตลาดเฉพาะเจาะจง หรือ personlization marketingให้ลูกค้าเกิดความประทับใจมากขึ้น ให้เค้ารู้สึกมีพรีวิเลจ เช่นส่งโปรโมชั่นทำสีผมพรีเมี่ยมไปหาเฉพาะลูกค้าผู้หญิงที่มียอดค่าใช้จ่ายในซาลอนเกิน 3000 เป็นต้น โดยไม่ได้แตะต้องกลุ่มลูกค้าผู้ชายให้ต้องรำคาญใจ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เกิด Customer Stickiness ขึ้น ลูกค้าก็จะติดหนึบในการใช้บริการแบรนด์ของเรา ไม่หนีไปหาคู่แข่ง
  3. การให้บริการหลังการขายที่ดีการให้บริการหลังการขายที่ดี เช่น การแก้ไขปัญหาหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้งานสินค้าหรือบริการ เป็นวิธีหนึ่งในการสร้าง CX ที่ดี ในช่องทางแชท เช่น Facebook messenger หรือ LINE โดยการให้บริการหลังการขายนั้นหมายรวมถึงทั้งกรณีที่แบรนด์ปฏิบัติต่อลูกค้า ผ่านช่องทางต่างๆ และจากที่แอดมิน หรือทีมซัพพอร์ตดูแลเอง หลายแบรนด์ตกม้าตายตรงที่สินค้าดี หน้าร้านสวย เซลล์ทำงานขายเก่งมาก แต่ support หลังการขายแย่ ไม่มีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน ไม่รู้จักเก็บประวัติลูกค้า ทำให้พลาดตรงนี้ ลูกค้า เช่น ลูกค้าทักมาคอมเพลน ต่อว่า คุยเรื่องการคืนสินค้ากันอยู่ แต่กำลังจะถึงเวลา 6 โมงปลี่ยนกะพอดี แอดมินกะดึกมาเข้าตอบลูกค้าแทนผ่านมือถือตัวเอง ทำให้ไม่เห็นว่าก่อนหน้านั้นลูกค้าคุยอะไรอยู่กับแอดมินคนก่อน แล้วถามลูกค้าซ้ำแบบงงๆ ปัญหาแบบนี้จะทำให้ลูกค้าย่อมโกรธ เพราะมองดูเหมือนเพจหรือไลน์ของแบรนด์ไม่ใส่ใจ ต้องให้ลูกค้ามาเล่าซ้ำๆ แล้วเขาเสียเวลา

ธุรกิจพังได้ เพราะไม่สนใจประสบการณ์ลูกค้า  Customer Experience (CX)

ในยุคสมัยที่การแข่งขันในธุรกิจรุนแรง การเอาชนะคู่แข่งและรักษาฐานลูกค้าไว้ให้นั้น "ประสบการณ์ลูกค้า" หรือ Customer Experience (CX) กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจมองข้ามไม่ได้ โอ้โหจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ "ข้อเสีย" ที่ธุรกิจอาจพบเจอ หากละเลยประสบการณ์ลูกค้าหรือการบริการดูแลลูกค้าที่ดี

1. สูญเสียลูกค้า: ลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ไม่ดี ย่อมไม่กลับมาใช้บริการอีก แถมยังบอกต่อคนอื่น ๆ ทำให้ธุรกิจสูญเสียลูกค้าทั้งเก่าและใหม่

2. เสียชื่อเสียง: รีวิวและบ่นในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, Pantip  มีพลังทำลายล้างสูง เพียงไม่กี่โพสต์ก็สร้างภาพลักษณ์แย่ ๆ  ทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน

3. เสียเงิน:  ธุรกิจต้องเสียเงินมหาศาลเพื่อแก้ไขชื่อเสียง  ดึงดูดลูกค้าใหม่

4. เสียโอกาส:  คู่แข่งที่ให้ความสำคัญกับ CX  จะฉวยโอกาสนี้คว้าลูกค้าของคุณไป

5. พนักงานไม่มีความสุข:  พนักงานต้องเผชิญกับลูกค้าที่โกรธ  บ่น  ร้องเรียน  ส่งผลต่อสภาพจิตใจ  ประสิทธิภาพการทำงาน

ตัวอย่างธุรกิจที่ล้มเหลวเพราะไม่สนใจ Customer Experience (CX)

แนวทางการพัฒนา  Customer Experience (CX)

ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ  Customer Experience (CX)   เปรียบเสมือนการลงทุนที่คุ้มค่า  สร้างผลตอบแทนระยะยาว  ดึงดูดลูกค้า  เพิ่มยอดขาย  รักษาฐานลูกค้า  และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ

ระบบหลังบ้าน: ผู้ช่วยพัฒนาและยกระดับ Customer Experience ประสบการณ์ลูกค้าให้ปัง!

ปัจจุบันมีระบบหลังบ้านมากมายที่ช่วยธุรกิจพัฒนา CX  ตัวอย่างระบบยอดนิยม ได้แก่

1. Zendesk:  ระบบ Help Desk ที่ทำงานบนระบบ Cloud ช่วยให้ธุรกิจจัดการงานด้าน Customer Support Customer Service และ Customer Relationship Management (CRM) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยตอบคำถาม  แก้ปัญหา  ผ่านช่องทางต่างๆ จัดการเคสงานลูกค้า ติดตามเคสได้สะดวก

2. Oho Chat:  ระบบจัดการแชทดูแลลูกค้าของคนไทย พร้อมแชทบอทอัจฉริยะและ CRM  ช่วยตอบคำถาม กระจายแชทให้ทีมอัตโนมัติ ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์  วัดผลการทำงานของแอดมินและทีมงาน เร่งสปีดการปิดการขายให้ง่ายขึ้น

3. Salesforce:  ป็นระบบ CRM ที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

ระบบเหล่านี้ช่วยธุรกิจ:

หากธุรกิจของคุณนั้นยังขาดเรื่องประสบการณ์ลูกค้า ถึงเวลาแล้วที่ต้องลองใช้ระบบเหล่านี้ เข้าช่วยพัฒนา แผนการ Customer experience ของคุณ

"อย่ารอให้สายเกินไป  หันมาให้ความสำคัญกับ Customer Experience (CX)   ตั้งแต่วันนี้"



บทความที่เกี่ยวข้อง

-
สรุป ”แชทบอท” ครบทุกมุม ตัวช่วยตอบแชทที่ทุกธุรกิจยุคดิจิทัลต้องมี!

-
6 เคล็ดลับเด็ดสร้างยอดขายให้ปังด้วย CUSTOMER EXPERIENCE

-
คู่มือตอบแชท 10 ตัวอย่างเคสลูกค้าที่แอดมินเจอบ่อย พร้อมคำตอบแบบโปรช่วยปิดการขาย

-
รีวิว 6 ระบบจัดการแชทและ CRM สำหรับธุรกิจออนไลน์ในปี 2023

- HEART Marketing: เพิ่มความพึงพอใจ สร้าง Loyalty ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าจะไม่มีวันลืม


พร้อมแล้ว เริ่มใช้งานฟรี!
ทดลองใช้ฟรี คลิก!
เชื่อมต่อเพจของคุณฟรีทันที!